คอนกรีตเมื่อแข็งตัวแล้วจะเกิดการหดตัวเนื่องจากปัจจัยความชื้นในอากาศและอุณหภูมิทำให้คอนกรีตที่ไม่ได้เทในรอบเวลาเดียวกันจะเกิดรอยแยกจากการหดตัวของแต่ละฝั่งรอยต่อนั้นอาจจะต้องจำเป็นต้องทำอยู่แล้วในกรณีที่ต้องเทคอนกรีต 2 ครั้ง เช่น การเทพื้นและผนังของลิฟท์ สระว่ายน้ำ,บ่อน้ำ หรืออาจจะต้องทำเพื่อป้องกันการแตกร้าวจากการหด/ขยายตัวของคอนกรีต เช่น กรณีเทพื้นที่เป็นลานกว้างมากๆ เป็นต้น ช่องว่างที่เกิดขึ้นจากรอยแตกร้าวนี้จะทำให้น้ำรั่วซึมเข้ามาหรือไหลออกไปในบริเวณที่ไม่ต้องการได้
รูปแบบของรอยต่อมีดังต่อไปนี้
1.รอยต่อเพื่อการหดตัว (Contraction Joint) อ่านว่า คอนแทร็คชั่น (ระวังสับสนกับ Construction,คอนสตรัคชั่น) คือ รอยต่อที่ทำไว้เพื่อ
บังคับให้คอนกรีตแตกตรงนี้ ตรงที่ทำรอยไว้แบบนี้ไม่ต้องใช้ Waterstop ใช้กับงานที่ไม่ต้องกังวลกับการรั่วซึมของของเหลว
2.รอยต่อเพื่อการขยายตัว (Isolation Joint or Expansion Joint)เป็นรอยต่อที่แยกรอยต่อคอนกรีตออกจากกันเป็นอิสระ เพื่อให้เกิดการหน่วงกัน หรือการรั้งกันระหว่างคอนกรีต 2 ฝั่งน้อยที่สุด รอยต่อลักษณะนี้ต้องการความยืดหยุ่นตรงรอยต่อ เหมาะสมกับ Waterstop
แบบ มีรูตรงกลาง(TYPE A) ซึ่ง รูตรงกลางจะช่วยในการยืดหยุ่นจากการ ขยับตัวไม่พร้อมกันของสองข้างรอยต่อ
3. รอยต่อก่อสร้าง หรือ รอยต่อธรรมดา (Construction Joint) อ่านว่า คอนสตรัคชั่น เป็นรอยต่อที่เกิดจากบริเวณที่มีการเชื่อมต่อกันระหว่างคอนกรีต 2 ฝั่งที่มีการยึดเหนี่ยวกันไว้ ไม่เป็นอิสระต่อกัน รอยต่อแบบนี้ สามารถใช้ได้ทั้ง Waterstop แบบไม่มีรูตรงกลาง(TYPE B) และมีรูตรงกลาง (TYPE A)
บทความโดย ทีมวิศวกรรม บจก. ไทยวอเตอร์สต๊อป